Thursday, August 27, 2015

เปิดสูตรยาสมุนไพรรักษาโรคคนจน

ยารักษาโรค เป็นปัจจัยสำคัญ ที่มนุษย์ทุกคนขาดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน ยาแผนโบราณมีผู้นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย

นายหนูแก้ว บุญสุภาพ อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ที่ 1 ต.ไก่คำ อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ เป็นอีกผู้หนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร เพราะได้ศึกษามาจากบรรพบุรุษ สั่งสมประสบการณ์ไว้หลายปี ใช้ความรู้ ความสามารถนำสมุนไพรที่หาได้ในท้องถิ่น มาใช้การรักษาโรคต่างๆ จนเป็นที่ยอมรับ และได้ใบประกอบโรคศิลปะเป็นเครื่องยืนยันอีกด้วย

นายหนูแก้ว เล่าความหลังให้ฟังว่า ปู่เป็นแพทย์แผนโบราณ หรือที่เรียกกันว่า หมอพื้นบ้าน หลังจากที่เรียนจบภาคบังคับชั้นประถมปีที่ 4 แล้ว ก็สนใจอยากจะเป็นเหมือนปู่บ้าง จึงอาสาติดตามไปทุกหนทุกแห่งศึกษาเรียนรู้ในสรรพคุณของสมุนไพรแทบทุกชนิด ตลอดจนวิธีการรักษาผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นการแช่ด้วยน้ำสมุนไพร การอบการต้ม กินและอาบ จนกระทั่งมีความเชี่ยวชาญขึ้นตามลำดับ

ต่อมา เมื่อมีอายุครบเกณฑ์ทหารจึงไปเป็นทหารอยู่ 3 ปี ระหว่างนั้น ได้รู้จักกับหมอสมุนไพรที่มีชื่อใน จ.อุบลราชธานี ชื่อหมอคำผาน คำผาก และหมอคำพา จุลบุตร ที่แปรรูปสมุนไพรเป็นยาน้ำ ยาผง และยาลูกกลอน เมื่อปลดจากทหารแล้ว ก็ได้ไปขอเรียนรู้กับทั้งสอง อยู่ถึงประมาณ 5 ปี จนได้รับใบประกอบโรคศิลปะ สามารถประกอบการรักษาโรคด้วยสมุนไพรแผนโบราณได้อย่างถูกต้อง

นายหนูแก้ว กล่าวว่า ปัจจุบันได้ปลูกสมุนไพรไว้จำนวนมากในสวนหลังบ้าน เนื้อที่ 1 ไร่ อย่างเช่น ขมิ้นชัน และว่านต่างๆ ส่วนที่ไม่ได้ปลูกก็ไปหาเอาตามภูเขา ก็มีพลังเสือโคร่ง ม้ากระทืบโรง และอื่นๆ อีกหลายชนิด ซึ่งก็หาไม่ยาก เพราะยังมีป่าไม้อยู่อีกมาก

นายหนูแก้ว บอกว่า สมุนไพรที่เป็นยารักษาโรคนั้นมีมากมายหลายชนิด แต่จะบอกเคล็ดลับและสูตรให้ 4 อย่าง เพื่อเป็นวิทยาทาน หากผู้ใดป่วยก็สามารถนำไปทดลองกินได้ คือ

1.ยารักษาโรคสตรีตกขาว ให้เอาใบส้มป่อย ใบส้มเสี้ยว ใบมะขามแขกใบมะขามเปรี้ยว สารส้ม ดินประสิวหัวกะทือบ้าน ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ใส่กาหรือหม้อต้ม โดยใส่น้ำ 3 ส่วน เคี่ยวจนเหลือ 1 ส่วน น้ำ 1 แก้ว ใช้ดื่ม 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น อาการตกขาวก็จะหายทันที

2.ยารักษาโรคกระเพาะอาหาร ให้ใช้ต้นกำแพง 7 ชั้น หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ต้นตาใกล้ ต้นกำแพง 9 ชั้น ใช้ทั้งต้นที่เป็นเถาวัลย์และใบปะปนกัน  Vi Vi Un Te Te Tr Te Co Ji Ji Ji Me Mi Pa Al A Vo Fo Si Fo Ei Bp Ma Ju Ba Ju Ju Me El El La St Ha Do Do Ju Ju Li Li  นำไปต้มในหม้อดิน โดยใส่น้ำ 3 ส่วน เคี่ยวให้เหลือ 1 ส่วน น้ำ 1 แก้ว ดื่ม 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น จนกระทั่งยาจืด แค่ 3 หม้อก็จะหาย ที่สำคัญถ้ามีอาการระบายท้องอย่าตกใจว่าท้องเสีย เพราะเป็นลักษณะของยาประเภทนี้

3.ยาถ่ายพยาธิ มีส่วนประกอบคือ ต้นมะเกลือใช้ทั้ง 5 ส่วน คือ ราก ลำต้น ดอก ใบและผล โดยนำไปใช้ได้ทั้ง 2 แบบ คือ แบบต้ม ให้นำมะเกลือ 5 ส่วน กับน้ำ 3 ส่วน เคี่ยวจนเหลือน้ำ 1 ส่วน ให้เด็กดื่มครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ผู้ใหญ่ครั้งละ 3 ช้อนโต๊ะ
ก่อนนอนทุกวัน พยาธิก็จะตายถ่ายออกมากับอุจจาระ หรือทำเป็นแบบลูกกลอน โดยใช้ลูกมะเกลือที่ยังไม่สุกตากแห้งและลูกสระแก
ที่คั่วจนกรอบ ในสัดส่วนที่เท่ากันมาบดเป็นผง แล้วเอาลูกสลอดคั่วให้สุกมาบดเป็นผง นำผงสะแกและผงมะเกลือ 20 ช้อนชา
ผงสลอดปลายช้อนชา ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วผสมกับน้ำผึ้งเป็นลูกกลอนนำไปตากแดดให้แห้ง รับประทานตอนเช้ามืด
ครั้งละ 7-8 เม็ด โดยเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ห้ามทานอย่างเด็ดขาด พยาธิก็จะตายและถ่ายออกมา

4.ยารักษาโรคดีซ่านและตับอักเสบ ให้เอาแก่นสะเดา เถาชะลูด ชะเอมเทศหรือชะเอมไทมารวมกัน เอาไปต้มจากน้ำ 3 ส่วนให้เหลือ 1 ส่วน น้ำ 1 แก้ว ทาน 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น ทุกวันจนยาจืด 5 หม้อก็จะหาย

นอกจากนี้ยังทำลูกประคบสมุนไพรสำหรับผู้ที่ร่างกายฟกช้ำ ดำเขียว เคล็ด ขัด ยอกตามร่างกาย ก็ให้เอาลูกประคบสมุนไพรที่ผ่านการนึ่งแล้วประคบบริเวณดังกล่าวก็จะหาย ส่วนวิธีทำลูกประคบ ประกอบด้วย ไพรขมิ้น ตะไคร้หอม เขาเอนอ่อน กิสนา ใบหนาด ว่านต่างๆ การบูร และพิมเสน ให้เอาทั้งหมดไปหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วตากแดดจนแห้ง ห่อด้วยผ้าใส่กระบอกตำให้พอดี แล้วใช้เชือกมัดเป็นลูกประคบ ขายอันละ
20 บาท

สำหรับน้ำหมักสมุนไพร ก็มีการทำจำหน่าย 3 ชนิด คือ น้ำหมักสมุนไพรลูกยอ น้ำหมักลูกสมอพิเภกและน้ำหมักมะขามป้อม ซึ่งมีสรรพคุณ เช่น แก้ปวดเมื่อย ต้านโรคมะเร็ง จำหน่ายขวดละ 40 บาท การทำไม่ได้ยุ่งยากอะไร นำลูกสมอพิเภก
ผลแก่ล้างน้ำให้สะอาด แล้วตากแดดให้แห้งสนิท ต่อมา นำไปใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ จำนวน 6 กก./น้ำตาล 1 กก. ใส่เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ หมักไว้ 6 เดือนหรือ 1 ปี ก็นำไปใช้ประโยชน์ได้ มีสรรพคุณแก้ไอ ขับเสมหะ ดื่มประมาณ 7 วัน ก็จะหายเป็นปกติ

นายหนูแก้ว หมอพื้นบ้าน บอกทิ้งท้ายว่า Bp Li Li Bu Ki Ra Am Am Ki Th Da Sa Po Ro Ka Ma Sa Vi Mi Ca Ca Pr Vi Do Ji Bo Re Ma Re Sa Sa Bu Lo Ra Da Di 3 ตลอดระยะเวลา 25 ปี ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีรายได้น้อยมากมาย บางคนไม่มีเงินก็จะรักษาให้ยาไปกินแบบฟรีๆ ที่ผ่านมามีหน่ายงานราชการและนักเรียนนักศึกษาเดินทางเข้ามาศึกษาดูงานตลอดเวลา และยังได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายในโรงเรียนและหน่วยงานราชการอย่างต่อเนื่องอีกด้วย...

No comments:

Post a Comment